.
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง..กับคนสองคน
ก : “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
ข : “สวัสดีครับ คุณ เป็นยังไงบ้างครับ”
ก : “ก็สบายดีนะ แล้วคุณหละ สบายดีไหม”
ข : “ก็ดีครับ คุณสั่งอาหารแล้วหรือยังครับ”
ก : “ผมสั่งแล้ว คุณสั่งเลย เดี๋ยวมากินด้วยกัน”
เมื่ออาหารในจานเริ่มเข้าปาก ก็ทำให้ทั้งสองคนนึกถึงวันเก่าที่เคยทำงานร่วมกันมา
ก : “คุณยังจะได้ไหมที่เราพบกันครั้งแรก..”
ข : “จำได้ครับ..ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มงานจากเด็กรายวันอยู่เลยครับ…”
ก : “ผมก็จำได้เหมือนกันนะ มันเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าคุณก็เหมือนพนักงานรายวันทั่วไป..แต่ไม่จริงเลย คุณมีความขยันที่มากกว่าคนอื่นๆมาก..จนกระทั้งผมทำให้คุณกลายเป็นพนักงานประจำ รับสวัสดิการของพนักงานประจำ”
ข : “แต่แหมครับกว่าจะผ่านได้ ผมทำงานมากว่า 10 เดือนเลยนะครับ มันไม่ง่ายเลย”
ก : “นั่นสิ…มันไม่ง่ายเลย แต่คุณฉายแววจริง ๆ เด็กประจำที่มีอยู่ยังไม่ตั้งใจทำงานเท่าคุณเลย หรือว่า จริง ๆ คุณอาจจะแค่ทำงานให้ดีเพื่อทำให้คุณได้บรรจุก็ไม่รู้หนะ”
ข : “อะไรกันครับ (ติดตลก) ผมก็อยากมีชีวิตที่ดีนะครับ”
ก : “ผมล้อเล่นน่า…แต่เสียดายนะครับ วันเวลาผ่านไปแล้ว ผมอาจจะได้แค่ช่วยคุณด้วยการแนะนำให้คุณทำงานอย่างที่เคยทำ และพัฒนาต่อไปจนคุณไปเป็นหัวหน้างานได้..ผมต้องออกมาจากตรงนั้นก่อนคุณ ถึงทำให้ไม่มีเวลาดูแลคุณจนคุณต้องกลายเป็นแบบนี้..”
ข : “อย่าพูดถึงมันเลยครับ ผมก็เสียใจจนถึงทุกวันนี้”
บรรยายกาศจากความคุ้นเคย กลายเป็นความตึงเครียดแทน
ก : “จะว่าเคืองก็เคืองนะ ผมอุตส่าห์ ให้ความรู้และสอนคุณทุกอย่างเท่าที่เวลาผมจะมี เพื่อให้คุณเป็นกำลังของทีมงานต่อไป รวมทั้งอนาคตของคุณด้วย”
ข : “ผมเข้าใจครับ แต่ครั้งนั้นไม่ได้มีผมคนเดียวนะครับที่ทำ”
ก : “แล้วมันเกี่ยวกันไหมหละ ถ้าหากว่าคุณไม่ทำซะอย่าง มันจะเกิดเรื่องได้ยังไง คุณรู้ไหม วันที่เกิดเรื่อง มันมีเรื่องอีกเรื่องซ้อนกันอยู่…”
ข : “เรื่องอะไรหรอครับ..”
ก : “ผมได้รู้ข่าวมาว่า คุณกำลังจะได้เลื่อนขั้น..เป็นระดับหัวหน้างานจริง ๆ แล้ว เปลี่ยนสีเสื้อด้วยซ้ำ…”
ข : “จริงหรอครับ!” สีหน้าตกใจของชายหนุ่ม ไม่อาจปิดบังความรู้สึกดีใจที่ปนไปกับความผิดหวัง ได้เลย
ก : “แต่เรื่องที่พวกคุณทำไว้ มันเกิดเป็นคดีความขึ้นมาจนได้.. “
ข : “….”
ก : “ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่า…ถ้าลูกค้าไม่ยัดของเข้ามาในมือ “ห้ามรับ!”… ต่อให้ยื่นมากับมือ ยังต้องชั่งใจเลยว่าจะรับดีไหม”
ข : “จำได้ครับ……” เสียงอ่อยของชายหนุ่มที่ให้คู่สนทนารู้เลยว่า เขาเสียใจอย่างมาก
ก : “คุณจำได้ไหม คุณเคยบอกกับผม ว่าอยากให้ลูกเห็นคุณในวันที่เขาโตว่าคุณเจริญก้าวหน้าในชีวิตการงานขนาดไหน…”
ข : “ครับ…”
ก : “แต่คุณทำมันพังเพราะเพียงของที่ไม่มีมูลค่าเลยแม้นแต่นิดเดียว”
ข : “…แต่มันเป็นของที่ลูกค้าคืนมาแล้วนะครับ ไม่มีมูลค่าและรอไปทำลายทิ้งแล้วนะครับ.. คนอื่นก็ทำกัน ทำไมผมถึงโดนคนเดียวหละ”
ก : “คุณรู้ได้ยังไงว่า คนอื่นไม่โดน…แต่สุดท้าย “ต้นคิด” ก็ลอยนวลไปไง คุณคือ “แพะรับบาป” ในที่สุด…”
ข : “…ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นครับ…”
ก : “อย่างที่พี่ผู้จัดการคนก่อนเคยสอนพวกเราไง… ถ้า “ขอ” เท่ากับ -1 ถ้า “ทำได้ดี” เสมอตัว..ถ้า “มอบสิ่งที่เหนือคาดให้ลูกค้า” จะได้ +1 คุณจำได้ไหม.. แต่นี่คุณทำแบบนี้ มันใช่แล้วหรอ ไม่มีทั้ง ลบ ศูนย์ บวก เลย แต่มันเรียกว่า ผิดเลย..”
ข : “…”
ก : “เอาเถอะ ยังไงเรื่องราวมันผ่านไปแล้ว คุณก็ได้รับผลนั้นไปแล้ว ผมหวังแค่ว่า คุณจะจำไว้นะ ว่า… “หากมิอยากให้ใครรู้ก็มิพึงกระทำ” …อันนี้ผมได้จากโกวเล้งเลย…โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เสียอนาคตไปมากกว่านี้”
ข : “ครับ…”
แล้วชายหนุ่มที่เอาแต่พูดก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งในแก่ชายหนุ่มผู้เสียใจในอดีต
ข : “นี่มันหนังสืออะไรครับ…. “คนไทยฉลาดการเงิน” มันเอาไปทำอะไรครับ..”
ก : “ชื่อมันก็บอกอยู่แล้ว คุณลองอ่านดูแล้วกันนะครับ แล้วมีโอกาส อย่าลืมไปดูคลิปใน ยูทูป “มูลนิธิคนไทยฉลาดการเงิน” นะครับ มันช่วยคุณได้จริง ๆ อย่างน้อยก็เลิกฟุ้งซ่าน และจะมีแนวทางชัดเจน ชีวิตคุณอาจจะไม่ได้ไปถึงฝันในช่วงเวลานี้ แต่อนาคตคุณจะดีขึ้นได้ ถ้าเข้าใจหลักการ และวางตัวใหม่…ไม่มีอะไรสายเกินแก้นะ ลองดู มีอะไรโทรมาหาผมได้เสมอนะ เงินไม่มีให้ เลี้ยงข้าวได้ แนะนำได้ ฮ่าๆๆๆ”
ข : “ฮ่าๆๆๆ ดีครับ ผมจะรีบศึกษาแล้วติดตรงไหนมาถามนะครับ”
ก : “ผมรอคุณอยู่นะ…เสียดายความสามารถจริง ๆ ถ้าวันนั้น คุณไม่ทำเรื่องนั้นหละก็ ป่านนี้เราใส่เสื้อสีเดียวกันไปแล้ว…”
ข : “ครับ ผมผิดหวังในตัวเองมากครับ ทุกวันนี้ผมต้องไปเป็นเด็กรายวัน ไม่รู้ว่าจะมีนยแบบคุณอีกไหม…”
ก : “ถือว่าผมทำบุญแล้วกัน ใช่ว่าผมจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าคุณสักเท่าไหร่ เป็นหัวหน้างาน ก็ต้องทำงานมากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น ก็ไม่มีเวลาส่วนตัวเท่าเดิม ความเครียดเพิ่ม บางทีเป็นอย่างที่คุณเป็นอาจจะดีก็ได้นะ ผมมาคิด ๆ เลยคิดว่า ถ้าคุณรู้เรื่องการเงินต่อให้คุณมารายได้เป็นรายวัน แต่ถ้าวางแผนดี ๆ ก็ไปต่อได้นะ..”
ข : “ขอบคุณครับ”
อาหารบนโต๊ะหมดแล้ว แต่บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป…
.
หวังว่า “เรื่องราว” นี้ จะช่วยให้พอนึกภาพออกแบบชัด ๆ นะครับ ว่า “ความซื่อสัตย์” จริง ๆ แล้วไม่ได้ชัดเจนอะไรมาก จับต้องไม่ได้ แต่มันผลักดันคุณได้ดีทีเดียว…ที่สำคัญเรื่องนี้ Base on True Story นะครับ..แต่มันยังคงเป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจน เกิดขึ้นแล้วและก็ยังจะมีเกิดขึ้นมาอีก
.