งานบ้าน งานคลัง (Manage A Warehouse like A House)

เรื่องของงานบ้าน ถ้าพูดถึงแล้วก็จะนึกถึงการทำงานบ้านที่เราคุ้นเคยกันนะครับ ทำเพื่อความสะอาดและเรียบร้อย… ลองหันกลับมามองงานในคลังสินค้านั้น ก็มีงานประเภทนี้ให้ทำอยู่สม่ำเสมอนะครับ

.

สินค้าหลายประเภทเมื่อถูกวางไว้ที่ตำแหน่งพร้อมหยิบสินค้า (Pickface) นั้น เมื่อมีคำสั่งหยิบเข้ามาที่คลังแล้ว ก็ต้องถูกหยิบจ่ายไปตาม คำสั่งซื้อ (Order) ที่ได้รับหมอบหมายและจัดจ่าย ตามขั้นตอนการทำงาน แต่เมื่อเสร็จสิ้นงานแล้วนั้น ตำแหน่งพร้อมหยิบสินค้า (Pickface) นั้น จะไม่อยู่ในสภาพพร้อมหยิบอีกต่อไป เพราะขณะที่พนักงานหยิบ (Picker) หยิบสินค้านั้น ต้องทำงานภายในเวลาที่กำหนด….จะเทียบง่าย ๆ ให้ชัด ๆ ก็คงไม่พ้น การหยิบของที่ Hyper Market ทั้งหลาย เช่น การหยิบสินค้าที่ Big C, Tesco โดยมีชั้นวางสินค้า เป็น Pickface และ ผู้ซื้อสินค้า เป็น Picker นั้นเอง..

.

ผลของความไม่เรียบร้อยของ pickface นี้ ถ้าหากว่าเราไม่คอยจัดการให้เรียบร้อย ข้อมูลสินค้าคงคลัง อาจจะมีจำนวนที่ตรงแต่สินค้าอาจจะไม่ได้อยู่ในที่ที่ถูกต้อง หรือ Batch ของสินค้าอาจจะไม่ได้ถูกหยิบไปอย่างถูกต้องได้..ดังนั้น เรามีความจำเป็นที่ต้องจัดการ ตำแหน่งหยิบสินค้า หรือ Pickface ให้เรียบร้อยอยู่เสมอ ซึ่งการทำขั้นตอนนี้ไม่ต่างกับการจัดบ้านให้เรียบร้อยสวยงามเสมอ…จึงเรียกได้ว่า การจัดการบ้านนั่นเอง (Housekeeping)

.

การทำความสะอาดบ้านนั้น ยังต้องมีอุปกรณ์ แล้วการจัดการคลังหละจะใช้วิธีไหนดี…ก็ยังคงขอใช้หลักการพื้นฐานในการจัดการนะครับ อาจจะเก่า แต่ก็ยังเห็นว่าใช้งานได้ดีเสมอมาครับ..เครื่องมือนั้นคือ 5ส ครับ…

.

เริ่มต้นด้วย สะสาง -> สะดวก -> สะอาด -> สร้างลักษณะนิสัย -> ส่งเสริมให้ยั่งยืน… เหมือนจะง่ายนะครับ แต่ถ้าขาดการวางแผนที่ดี ก็ใช้งานไม่ง่ายเหมือนกันครับ.. ที่ญี่ปุ่นเองก็ใช้วิชานี้ในการจัดบ้านนะครับเป็นเล่นไป จัดกันจนกลายเป็นวิชาที่ใช้ในการจัดการเลยทีเดียว..แต่เครื่องมือชิ้นสำคัญที่สุดคงไม่พ้น “สะสาง” (Sorting) ให้ได้ก่อน ซึ่งในคลังสินค้าก็เช่นกันครับ ต้องจัดการแบ่งแยกความวุ่นวายและไม่ถูกต้องของ Inventory ให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็ไปต่อกันที่ “สะดวก” (Set in Order) ที่จะต้องจัดเตรียมพื้นที่ให้สอดคล้องกับการหยิบใช้ที่ดี…”สะอาด” (Shine) ผมคงต้องใช้คำว่า ทำให้คลังดูสะอาดตา เห็นชัดเจนในสิ่งต่าง ๆ … “สร้างลักษณะนิสัย” (Standardize) อันนี้คำไทยกับคำภาษาอังกฤษ ต่างกัน แต่ผมว่ามันสื่อไปทางเดียวกับได้ ที่ว่า เมื่อจัดการทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น มันจะต้องถูกจัดทำให้เป็นขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนขึ้นมาเป็นมาตรฐานที่ต้องทำร่วมกัน และพอเราไล่มาจนครบ 4 แล้วนั้น สิงสุดท้ายที่ต้องทำ คือ “ส่งเสริมให้ยั่งยืน” (Sustainability) คือการทำให้มีความต่อเนื่องไปเรื่อย..

.

เมื่อจัดการเสร็จสิ้นแล้วความเรียบร้อยที่เกิดขึ้นก็เป็นผลลัพธ์โดยตรง แต่สิ่งที่จะได้มาต่อจากนั้นคือ การทำงานที่ประหยัดเวลามากขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง….แต่อย่างไรก็ตาม การจัดบ้านคนเดียวคงไม่สนุกฉันใด การจัดการความเรียบร้อยในคลังคงพึ่งพาคน ๆ เดียวไม่ได้..การร่วมมือลงแรงจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อการทำให้เกิดความเรียบร้อยแบบยั่งยืน…

.

ลองรักคลังสินค้าของคุณดั่งบ้านของคุณ แล้วจะพบว่า..การจัดการคลังที่ดีมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ…

ใส่ความเห็น