ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent : A.I)

ขอโหนกระแสสักเรื่องนะครับ เดี๋ยวจะตกยุคเสียก่อน..มาเริ่มกันเลยครับ กับคำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” หรือเรียกสั้นว่า A.I ..และอย่างเคยครับ หลายคนรู้จักมันค่อนข้างดีเลย..ใช้กันทุกวันแล้วในตอนนี้ สอดแทรกเข้ามาในชีวิตประจำวันไปหมด ไม่ว่าจะ Google Search Engine ที่แสนจะรู้ใจเราว่าจะหาสิ่งใด, ระบบ Siri ที่ออกแบบให้คิดนั่นนี่มาตอบสนองความต้องการของเราผ่านมือถือ…และเมื่อไม่นานมานี้ ประเทศแถบทวีปยุโรป สามารถทดลองสร้าง A.I ที่มีความคิดและไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจเองได้แล้ว และความคิดของ A.I นั้นเริ่มก้าวข้ามความรู้ที่เรามีเช่น การประดิษฐ์ภาษากันเอง จนผู้ทดสอบต้องทำลายทิ้ง…ยุคคนเหล็กหล่อล่ำแบบลุงอาโนลคงอีกไม่นานเกินไปแล้ว คงต้องพึ่งพา จอห์น คอนเนอร์กันหละคราวนี้…..

.

แต่ก่อนจะโลกระเบิดตูมตามไปนั้น คลังสินค้าก็ยังคงทำงานกันต่อไป ซึ่งในคลังเองก็มี A.I เข้ามาร่วมทำงานกับพนักงานในสารพัดที่เลย..หลัก ๆ แล้วมันมีมาในหลากหลายรูปแบบครับ แต่มักจะมาในรูปแบบการทำตามคำสั่งของผู้ใช้ระบบและจัดการข้อมูลให้เราตามที่ออกแบบไว้ (Strategy set) ฟังดูก็ง่ายนะครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย..แต่ผมขออธิบายเพิ่มเติมนะครับ..

.

การทำงานของระบบจัดการคลังสินค้านั้น หากเราทำเอง ตัวเราเองก็คือคนสั่งการ การทำงานภายในคลัง.. หากแต่เริ่มเข้าสู่ระบบหละ จะคิดยังไง…ก็คงบอกได้ว่ามันเริ่มจากการที่ผู้คุมระบบจัดการคลังสินค้า (WMS Administrator) นั้น เป็นผู้ตั้งค่า (Set up) การสั่งรับและจ่ายสินค้า (In and Out) ให้เป็นไปตามข้อตกลงกับลูกค้า…ขอยกตัวอย่างนะครับ..

.

คลังสินค้าเก็บน้ำผลไม้เจ้าหนึ่ง เมื่อเริ่มจัดเก็บสินค้านั้น…ก่อนจะเริ่ม ทางผู้ใช้บริการ จะต้องระบุเงื่อนไขการรับสินค้าเช่น สินค้าที่หมดอายุก่อน (FEFO – First Expire First Out) จะต้องจ่ายออกก่อน หรือสินค้าที่จ่ายถึงร้านค้าจะต้องมีอายุสินค้าไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ของอายุสินค้าทั้งหมด…ถ้าเราไม่ระบุ และต้องมานั่งตรวจสอบทั้งคลังเพื่อเลือกสินค้าจ่ายออกนั้ การทำงานคงไม่ง่าย..แต่หากให้ A.I ช่วยหละ มีคนจะคอยหาข้อมูลนับพันหมื่นพาเลทในคลังสินค้าและเปรียบเทียบให้สามารถหยิบสินค้าได้ สบาย ๆ เลย..ดังนั้น เงื่อนไขของผู้ใช้บริการคลังสินค้า จะต้องเป็นผู้กำหนดให้ชัดเจน และสอดคล้องกับเงื่อนไข ของการตลาดและการเงิน.. A.I จึงเป้นตัวช่วยชั้นเลิศในการทำงานจริงมั้ยครับ…

.

แต่ยังไม่หมดแค่เรื่องของในระบบนะครับ มันดูจับต้องยากไปนิดนึง คราวนี้ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้น แล้วอาจจะทำให้เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก A.I ครับ…ในปัจจุบันในประเทศไทยมีคลังสินค้าหลายคลังที่ลงทุนเพื่อทำคลังสินค้า อัตโนมัติ…ส่วนใหญ่สินค้าที่จะใช้การจัดเก็บแบบนี้ในไทยยังมีไม่มาก และจะต้องเป็นสินค้าที่หยิบคราวละมาก ๆ เป็น พาเลท ๆ เพื่อให้คุ้มค่าในการลงทุน โดยการสร้างพื้นที่จัดเก็บไม่ได้ต่างจากเดิมมาก แต่จะมีหุ่นยนต์พร้อมกับรางเลื่อน เพื่อเคลื่อนย้ายหุ่นยนต์นั้น ไปตักสินค้าจากตำแหน่งจัดเก็บ… และมาส่งยังพื้นที่รับสินค้าที่กำหนด..ระบบดังกล่าว เรียกว่า ASRS – Automated Storage and Retrieval System ความสูงของระบบสามารถทำให้สูงได้เท่ากับข้อจำกัดของอาคารเลยทีเดีย บางทีสูงถึง 23-25 ชั้น, ระบบออกแบบให้สามารถจัดเก็บได้ตามกลุ่มสินค้าหรือตามอายุสินค้า, ตักได้ตลอดเวลาการทำงาน ไม่มีการกีดขวางกันในช่องทางหยิบสินค้า..

.

ความสะดวกและแม่นยำในการทำงานของระบบ และภาวะการทดถอยของความสามารถของแรงงานที่ลดลง รวมทั้ง AEC นั้นได้เปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวหลั่งไหลเข้ามาตามที่ต่าง ๆ ในการทำงาน..สำหรับนายทุนแล้วคงตัดสินใจที่จะเลือกใช้แรงงานต่อหรือ A.I นั้น ถ้ามีเงินในการจัดการ อุปกรณ์ที่แสนจะแม่นยำ คงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า…ดังคำที่ว่า “ในอนาคต หากจะเลือกทำอาชีพ ควรจะต้องเป็นอาชีพที่ไม่มีเครื่องจักรทำแทนได้”

.

ดังที่ได้กล่าวมา ปัญญาประดิษฐ์ (A.I) ได้ถูกดัดแปลงเพื่อทำงานในหลาย ๆ ส่วนในชีวิตเรา..รวมทั้งเริ่มเข้ามาทดแทนงานบ้างอย่าง..เพื่อ ลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ…หากวันนึงการที่เรายัดความคิดเข้าสู่ระบบมากพอที่จะตัดสินใจได้ดีจนเราสามารถเอามาแทนที่หัวหน้างานได้สำเร็จ…มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลจนเกินจริงไป..

.

ความเปลี่ยนแปลงไม่มีวันหยุด…ทุกอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว…หากเรายังเดินอาจจะไม่ทันอีกแล้ว…การก้าวที่มั่นคงและไม่ตกโลกไปนั้นก็เป็นเรื่องจำเป็นจริง ๆ ..ดังนั้นการทำงานที่ดีคือวิถีทาง แต่นอกจากสิ่งนี้แล้วการเรียนรู้ระบบให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว

.

ขอให้ทุกท่านโชคดีและผ่านยุคคนเหล็กที่ใกล้เข้ามานะครับ

ใส่ความเห็น