คลังล้น คือเก็บกันจนไม่มีที่จะเก็บแล้ว…ก็เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น คำสั่งผลิตเผื่อเพื่อจัดเตรียมปิดโรงผลิตเพื่อซ่อมบำรุง สินค้าขายไม่ได้ สินค้าคืนจากร้านค้า รัฐบาลขึ้นภาษีสำหรับสินค้าตัวนั้นอย่างกะทันหัน เป็นต้น ทำให้คลังมันล้น…..ทีมงานก็ได้แค่ บ่นกันระงม แล้วก็ทำหน้าที่ต่อไป แต่เชื่อไหมครับ ท่ามกลางความล้นหลามนี้นั้น รายได้ของการให้บริการก็ได้รับมากขึ้น ไม่ว่าจะคิดเงินกันแบบ Open book หรือ Cost Plus…. ความลำบากนี้ยังมาซึ้งรายรับของพนักงานที่มากขึ้น .. “ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ” ได้ยินจนชินแต่ก็จริงของคนพูด…
.
คลังร้าง คือไม่มีอะไรจะเก็บ เงียบจนหญ้ามันรกชัน..น่ากลัวจะต้องมีการถ่ายคนอวดฝีกันเลยทีเดียว…ซึ่งมันก็มีสาเหตุจากหลายปัจจัยเช่นกันไม่ว่าจะ เกิดจากการบริหารผิดพลาดจนธนาคารยึด บริการไม่ดี ออกแบบไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เคยน้ำท่วม เป็นต้น ยังผลให้ไม่มีใครมาเช่า…น่าเศร้าไปนะครับ… “เหงาแบบนี้ ขอมีงานล้นมือดีกว่า” จริงไหมครับ…
.
จากทั้งคลังล้นและคลังร้างนั้นมีปัจจัยร่วมกันอยู่เรื่องนึงที่น่าสนใจนะครับ..ง่าย ๆ ใกล้ตัว แต่เวลาจะมองให้ขาดมันยากเหลือเกิน..ทางการตลอดเรียกว่า “ทำเล” (Place) 1 ใน 4 P ที่เรียนรู้กันมาตั้งแต่เมื่อปีค.ศ. 19XX ที่ผ่านมา นักเรียนสมัยนี้แทบจะท่องกันจนเบื่อ..แต่กว่าจะมองได้ถ่องแท้ และเข้าใจนั้นมันไม่ง่ายเลยจริงไหมครับ…การศึกษาหาทำเลที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งก่อนการลงทุนก่อสร้างและให้บริการคลังสินค้า…..แล้วเราจะใช้อะไรมาศึกษาหละ?
.
หลักความคิดที่ใช้ในการคัดเลือกพื้นที่ก็มีสิ่งหนึ่งที่นิยมใช้กัน เพื่อจัดสรรและวางแผนการจัดการทรัพยากรให้ได้คุ้มค่าที่สุด จากทำเลที่ตั้ง นั้นก็คือ “การวิเคราะห์หาจุดศูนย์ถ่วงของมวล” (Center of Gravity) …..มันเกี่ยวจริง ๆ หรอ ถ้าเป็นนักวิจัยสายฟิสิกส์นิวเคลียร์ คงจะมองเป็น ควานตั้มฟิสิกส์ไปแล้ว…แต่ผมจะพากลับมาก่อนครับว่ามันทำงานยังไง มีข้อจำกัดยังไง…รวมทั้งจริง ๆ หลักการนี้เองที่ใช้วงกรอื่นๆ ก็ได้ครับ
.
การหา Center of Gravity นั้นจะต้องเทียบด้วยหลายปัจจัย เช่น แหล่งต้นทางและปลายทางที่คลังจะรับหรือจ่ายสินค้าไปยังปลายทาง….ปัจจัยที่กล่าวถึงมีหลายอย่างมาก ได้แก่ สภาพจราจรในบริเวณนั้น ๆ, ราคาที่ดิน, ความใกล้กับสาธารณูปโภคต่าง ๆ, ที่ตั้งอยู่ใกล้ที่รับสินค้าปลายทาง เป็นต้น…เมื่อนำปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาประมวลด้วยการให้ Weight ในสมการที่เตรียมไว้ พร้อมทั้งใส่ค่าปัจจัยต่าง ๆ ลงไปก็โกโก้ครัชเลย..ได้สรุปมาว่า ควรจะตั้งคลังที่ไหนดี…
.
แต่ใช่ว่า เมื่อเราเลือกได้ตำแหน่งที่สมการระบุแล้วจะมามารถใช้จุดนั้นในการทำได้ เพราะ การนำข้อมูลตำแหน่งต่าง ๆ ของพื้นที่ เป็นเพียงการอ้างอิงปัจจัยต่าง ๆ ผ่านค่าละติจูดและลองจิจูด..ดังนั้นหากคิดค่าทั้งสองออกมาได้จริง ทางผู้เลือกตำแหน่งคลังยังคงต้องมองอีกหลายอย่าง เช่น พื้นที่ใกล้เคียงจุดนั้นมีพื้นที่เปล่าให้ซื้อ หรือคลังสินค้าพร้อมเช่าหรือไม่…ที่ดินมีราคามากกว่าราคาประเมินมากน้อยแค่ไหน..ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพื้นที่มากไหม..เป็นต้นนะครับ
.
ไม่ง่ายและไม่ยากนะครับ…. ทำเล ใครว่าไม่สำคัญ…เราลองมองหาตัวอย่างวิธีสังเกตกันดีกว่าครับ ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณจะเลือกที่ตั้งคลังที่ไหน…
.
เช่น The Mall สนใจเลือกที่จะตั้งคลังไว้แถวแยกบางนา…อาจจะอยู่ด้านหลัง เดอะมอลล์บางนาก็เป็นได้..เพราะอะไรครับ? คำตอบก็คือ สาขาส่วนใหญ่ของห้างในเครือเดอะมอลล์นั้น อยู่ฝั่งตะวันออกของ กทมทั้งนั้น…และอยู่บนถนนสุขุมวิท อีกตั้งกี่ที่หละครับ…คำตอบคงไม่พ้นคำว่า “เพียบ” ใช่ไหมครับ..
.
คลังสินค้าของ Hypermarket ทั้งหลาย อย่าง Big C, Tesco, marko ก็ยังเลือกที่จะมีคลังที่กระจายสินค้าอยู่ทั้งหลายตำแหน่งหลักรอบ ๆ กทม…เพราะคลังสินค้าเหล่านี้สามารถช่วยกันแยกงานกระจาย ส่งไปยังปลายทางที่กำหนด…
.
แต่ละสถานประกอบการก็มีเหตุผลในการเลือกผลของการเลือกทำเลที่แตกต่างกันออกไป ยังไงเสีย การเลือกที่ตั้งของคลังสินค้าก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งเลยที่เกี่ยวข้องการวางแผนเพื่อให้บริการคลัง…ดังนั้นการเลือกสร้างหรือเช่าคลังเพื่อการให้บริการนั้น อย่าลืมคิดถึงเรื่องทำเลที่ตั้งคลังด้วยนะครับ..ดั่งคำว่า “ทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง” ที่ยังคงอมตะอยู่ตลอด