.
ในประเทศเรา อาจจะต้องมอง พื้นที่ในอากาศไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่…เพราะ พื้นที่ในประเทศเรายังเหลืออีกมากมาย (ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว ไม่ได้เหลือเยอะขนาดที่เราเข้าใจ) ค่าที่ดินในทำเลที่ดีและสำคัญต่อการขนส่ง จึงเริ่มมีราคาที่ขยับตัวขึ้น เทคนิคหนึ่งของการจัดเก็บสินค้า คงไม่พ้น การจัดเก็บให้ยิ่งสูงยิ่งดี…..แต่ความสูงจำกัดที่พื้นที่แต่ละประเภท ระบุไว้ ทำให้อาคารที่สูงมาก ๆ อาจจะยังเกิดไม่ได้มากในเมืองไทย อาจจะด้วยเหตุผลว่า ดินในประเทศไทย หรือ ชั้นหินด้านใต้ลงไปนั้น มีต้นทุนในการจัดการสูงเมื่อเทียบกับการซื้อที่ดิน…และการควบคุมการก่อสร้างเพื่อให้ได้มาตรฐานยังเป็นไปได้ยากอยู๋ แนวตั้งก็ยังเป็นแนวทางที่พัฒนากันต่อไป
.
แต่ถ้าจะพุดถึงการจัดเก็บในแนวสูงนั้น ในอดีต เราเก็บสินค้ากันบน อาคารพาณิชย์ และทำไปตามโครงสร้างว่าสามารถรับน้ำหนักต่อตารางเมตรได้เท่าไหร่..ผู้ผลิต Rack ทั้งหลายจึงเริ่มเข้าสู่การใช้เสาและคานมาประกอบกับเพื่อให้เป็นคล้าย ๆ กับอาคารเล็กที่จัดเก็บสินค้า (เป็นพาเลท) ตัวพื้นฐานมาก ๆ ในวงการก็จะเรียกว่า Selective Rack (ติดไว้นานแล้วครับ เอามาอธิบายเสียทีครับ) หรือบางทีเรียก Pallet Racking
.
การจัดเก็บจะยกเป็น พาเลท ๆ ย้ายทีก็ย้ายเป็นพาเลท..ด้วยรถยก มาดูกันครับว่า ประกอบด้วยอะไรบ้างครับ… ตัวโครงสร้างของ Rack, ทางวิ่งรถ, รถยก…แต่ความจริงแล้วนั้น ยังมี ชื่อ Bin หรือ Location ซึ่งในระบบจะมองเป็น บ้านเลขที่นั่นเอง เก็บอะไรไว้บ้านเลยที่ไหน.. สร้างบ้านเลขที่ในระบบ และยืนยันสิ่งที่เก็บให้ตรงกัน…ง่ายหน่อย แต่ตรวจสอบยาก ก็จดมือแล้วบันทึกไว้ (อันนี้เก่าแล้ว) ทุกวันนี้ ฮิต ๆ หน่อย ก็ RDT (ดูตัวอย่างได้จาก 7-11 เวลาเติมของเข้าชั้นวาง) ฮิตไปกว่านั้นก็ RFID กันไปเลย..
.
การใช้งานก็เปลื้องที่ทางวิ่ง..แต่ก็ง่ายต่อการหยิบและเข้าถึงทุกพาเลทได้ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เมื่อเทียบกับการเก็บของในเชิงซ้อน เช่น Double Deep Racking คือการเก็บสินค้าซ้อน 2 พาเลท ในช่องเก็บเดียว ลองดูภาพก่อนนะครับ จะได้เข้าใจตรงกัน..
.