Putaway

การทำงานของคลังสินค้าจะขาดขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งไม่ได้ นั่นคือการเก็บของ หรือ เรามักจะเรียกว่า Putaway สินค้าเข้าไปยังคลังสินค้า ในมุมของผู้บริหารสินค้าคงคลัง การเก็บของไว้ที่คลังแล้วยังไม่เติมก็เรียกว่า Putaway เช่นกันนะครับ

Putaway เป็นขั้นตอนการทำงานที่เก็บสินค้าเข้ายังพื้นที่จัดเก็บ ไม่ว่าจะเป็นการยกด้วยเครื่องมือ ยกด้วยคนหรือ ยกด้วยหุ่นยนต์ การทำงานนี้จะเป็นการทำงานเพื่อนำสินค้าออกจาก พื้นที่รับสินค้าไปจัดเก็บตามที่กำหนดไว้

ประโยชน์ของการ putaway คงหนีไม่พ้นการทำให้สามารถจัดเก็บสินค้าเป็นสัดส่วนตามที่ได้ออกแบบไว้นะครับ ซึ่งหากขาดไปจะพบว่า เรามักจะ “หาของไม่เจอ” ปัญหาใหญ่ของคลังสินค้ามักจะเริ่มที่ตรงนี้ เก็บของในที่ที่เราลืม

ลองมาดูปัญหาที่เกิดในอดีตสักตัวอย่างครับ สินค้าถูกส่งมายังคลังสินค้า เมื่อรับสินค้ามาแล้วก็ยกสินค้าไปเก็บ อันนี้คือตามปกติจริงไหมครับ แต่ปัญหาคือ หากคุณ putaway สินค้า แบบไม่มีลำดับ ทำให้สินค้าตัวเดียวกัน อยู่ใกล้ไกล ต่างกัน ความสนุกเลยเกิดขึ้น เวลาเราต้องใช้สินค้าพาเลทนั้น ก็ต้องขับไปหยิบ ถ้าพาเลทเดียวคงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าหลาย ๆ พาเลท ก็วิ่งกันทั่วคลังเลย…ถ้าวิ่งทั่วคลังก็เท่ากับวิ่งระยะยาวมาก นั่นคือ ปัญหา เพราะเราต้องทำ OT มหาศาล เพื่อแค่ย้ายของ..เรามาดูกันแล้วพบว่า…เราวางของไกลและวางผิดกันเอง

ปัญหาเหล่านี้ผมใช้เวลา 6 เดือน ศึกษาและทำความเข้าใจ จนเขียนสูตรสมการเพื่อวางแผนการเก็บของตามตรรกะ ทำให้สามารถลด OT เหลือ 0 ได้ ก็ถือว่าสำเร็จแล้วครับ ถือว่าโชคดีไป แต่ปัจจุบัน ได้ยินมาว่า ทีมงานใหม่กลับไปทำงานแบบเดิม รวมทั้งออกแบบลูกค้าใหม่วิธีแบบเดิม ก็ยังทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย บทเรียนพวกนี้ผมได้เคยถ่ายทอดไปให้แล้วแต่ไมได้ถูกทำต่อ ก็หายไปตามกาลเวลา ดังนั้นการคิดเรื่องการจัดการทำได้ แต่ต้องมีการจัดการอย่างเป็นแบบแผนด้วยนะครับ

กลับมาที่เรื่องของ Putaway กันดีกว่า ตัวสินค้าเองจะรู้ได้อย่างไรว่าควรจะ putaway ยังไง ก็คงต้องบอกว่า เราต้องรู้ข้อมูลของตัวสินค้าก่อนครับว่า สินค้ามีอะไรที่เราต้องเรียงและจัดการ

1. ประเภทสินค้า และกลุ่มสินค้า

2. ขนาดของสินค้า

3. ลำดับการหยิบสินค้า

4.ปริมาณสินค้า

ตัวอย่างเช่น สินค้ากลุ่มเดียวกันควรวางด้วยกัน และพร้อมที่จะหยิบลงมาเติม (Replenishment) ได้ทันที เพื่อลดเวลาในการเดินทางไปมา หยิบจากที่ไกลๆ ถ้าเป็น Selective Rack ก็ว่าด้านบนของสินค้าตัวเดียวกันนั่นเอง set ระบบให้เวลา Putaway ให้สินค้าเหล่านั้นอยู่ rack bay เดียวกัน หรือ Rack zone เดียวกัน เป็นต้น

อีกตัวอย่างคือ สินค้ากลุ่มชิ้นเล็กๆ ที่ต้องเติมเข้าไป การจะวางแผ่ให้สามารถเข้าถึงตัวสินค้าได้ตลอดเวลาอาจจะไม่ตอบโจทย์ ควรจัดลำดับการเก็บสินค้า เช่น สินค้าที่ยังไม่หยิบ อาจวางด้านบน แต่สินค้ากำลังจะขาย อาจจะวางในชั้นหยิบ หรือ rack ชั้นล่างสุดเป็นต้น

จากตัวอย่างทั้ง 2 นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะคิดไม่ได้นะครับ แต่จากที่เจอมาคือ คิดได้ แต่ออกแบบให้ระบบมันคิดแบบนี้ไม่ได้ นี่ปัญหา แล้วพอถึงเวลาเลยออกแบบเพื่อเลี่ยงให้ระบบมันหาง่ายๆ set ง่ายๆ ดังนั้นก็สร้างพื้นที่ปยิบขนาดมหึมาขึ้นมาเพื่อให้สินค้า พร้อมหยิบเสมอ แต่ลืมคิดไปว่าระยะทางเดินนั้นจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ

การ putaway, replenishment, picking ความจริงแล้วจึงสอดคล้องกัน เพราะรูปแบบการทำงานคือการรับไม้ต่อเสมอ ๆ ครับ มันดันเป็นศิลปะครับ อธิบายด้วยทฤษฎีก็ไม่มันส์ซะงั้น เมื่อเรารู้ถึงปัจจัยที่มีผลต่อการ putaway แล้วก็มาออกแบบกันเพื่อลดปัญหากันดีกว่า โดยเราจะใช้ข้อมูลจากการศึกษามาเทียบว่าควรจะจัดวางลำดับอย่างไร ใช้ตัวอย่างนะครับ น่าจะช่วยให้เข้าใจง่ายกว่า

สินค้าอาหาร ต้องจ่ายทุกวัน วันละ 10 พาเลทต่อวัน / 5 วันต่อสัปดาห์ โดยมีสินค้าคงคลัง 500 พาเลท (Inventory day = 2 วัน ซึ่งหมายความว่า inventory lean มากๆ นะครับ) ถ้าเราจะมองให้ออก ต้องหมุนกลับไปว่า สินค้าจะเข้าคลังวันละเท่าไหร่ จริงไหมครับ ถึงจะรู้ยอดว่า Putaway ต่อวันเท่าไหร่ จากการคำนวณผมขอสมมุติว่า เจ้าของสินค้ามีกำลังการผลิตให้สามารถส่งสินค้าได้ วันละ 10 พาเลท (เพื่อให้จินตนการง่ายๆ นะครับ) ดังนั้นการ putaway แต่ละวัน จะเท่ากับ 10 พาเลทจริงไหมครับ

แต่การจัดการพื้นที่หยิบยังต้องมองเรื่อง จำนวนสินค้า หรือ SKU ด้วย ดังนั้นจากโจทย์ ถ้ามี SKU เดียวก็ชิวไป ถ้ามีหลาย SKU ก็ว่ากัน สมมุติให้ดังนี้

จากตารางเราต้องดูว่า สินค้าจะเข้าเท่าไหร่ เพื่อจัดพื้นที่ แต่คิดง่ายๆ ก่อนว่า เราต้องมีพื้นที่หยิบสินค้าทั้งสิ้นกี่ที่ครับ 10 pallet locations ก็ถือว่าเพียงพอต่อ 1 วันแล้ว และที่เหลือเมื่อหยิบสินค้าเสร็จแล้วก็เติมสินค้าด้วยการ Replenishment โดยขั้นตอนก่อนหน้าเราต้องเก็บสินค้าทุกวัน เราจึงออกแบบให้สินค้า อยู่ด้านบนของ rack นั่นเองเพื่อให้เคลื่อนที่น้อย

ตัวอย่างที่กล่าวมานั้นดูง่ายนะครับ แต่อยากให้ลองพิจารณาไปถึงระดับ หมื่น หรือ แสน SKU ที่หยิบกันในคลัง Ecommerce ตอนนี้ บอกได้เลยว่า ปวดหัวกว่านี้เยอะครับ รวมทั้งสินค้าจะถูกซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวไหนก็ได้ แต่ถ้าเล่นโปรโมชั่นก็ต้องจัดพื้นที่หยิบดี ๆ ซึ่งจะต้องวางแผนตั้งแต่แรกว่าจะเก็บของไว้ไหนก่อนจะย้ายมาให้หยิบ

การออกแบบการเติมสินค้าของคลัง Ecommerce เป็นเรื่องที่แปลกมากและตื่นเต้นสำหรับคนอย่างผมที่เคยทำแต่ B2B นะครับ เพราะ B2B มันเป็นกองใหญ่ๆ เน้นหยิบเยอะ ๆ และส่งไปยังปลายทาง แต่ Ecommerce ไม่ใช่เลย สินค้ามากระจิดเดียว ดังนั้นหยิบวันนึงทีละนิด เลยทำให้การจัดเก็บลำบากแสนเข็ญมาก เพราะเวลาหยิบจะต้องคอยเติมสินค้าอยู่เสมอ

การเก็บสินค้าจึงมีความสำคัญมาก แต่ดันโดนลดบทบาทเนื่องจากทุกคนงานยุ่งไปกับการหยิบสินค้าเพื่อจ่ายให้ทันเวลาเพร้อมทั้งโยนทิ้งเรื่องอื่นๆ ไปด้วย ทำให้การเก็บสินค้าที่ควรเป็นศิลปะถูกละเลยด้วย KPI ที่บอกว่าต้องหยิบได้ทีละกี่ชิ้น แต่ลืมไปว่า ถ้าหากของไม่เจอ หรือ เคลื่อนที่เยอะ จะยิ่งทำให้การหยิบและบรรจุภัณฑ์เสียเวลาเพิ่มตามไปนั่นเอง

ความแตกต่างของการจัดเก็บสินค้าจึงมีปัจจัยที่แตกต่างกันประมาณนี้

จากตารางอาจจะยังดูยากไปนะครับ อันนี้ต้องลองทำแล้วจะเข้าใจครับ แต่สิ่งที่สังเกตได้คือ สินค้ากลุ่มที่เป็น B2B จะมี ลักษณะการเติมชัดเจน การเก็บก็ชัดเจนตามไปด้วย แต่ B2C นั้นจะต้องพลิกแพลงพลิ้วไหวตลอดเวลา การจัดการจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่การหยิบไปจนถึงการเก็บสินค้า

ประเด็นสำคัญของการจัดเก็บ (Putaway) คือ ทำให้ไว เก็บให้เร็ว ใช้เทคโนโลยีคุ้มค่าที่สุด ซึ่งต้องวางแผนเรื่องพื้นที่การจัดเก็บ ต้องพึ่งพาผู้ส่งไม้ต่ออย่างทีมรับสินค้า ยกตัวอย่างละกันนะครับ

ขั้นตอนการรับสินค้า ทีมงานปกติ เรียงกล่องและติด label ตามความชอบของผู้ติด เวลาเรียงสินค้าขึ้นพาเลท มันก็จะใช้ข้อมูลจาก label ยาก ทั้งตอน scan รับและ การ putaway ทำให้ตอนรับคนลงง่ายเอาสะดวก แต่ละบากยันการตรวจนับสินค้าเลยทีเดียว

การแก้ไขที่ผมเสนอไปคือ

1. หัน label ออกด้านอกทุกกล่องเพื่อดูการวางคว่ำหงายของกล่องสินค้า

2. ติด label ในจุดล่างข้างของฝั่งมที่ตักสินค้าวางเสมอ

แค่ 2 เทคนิคนี้ครับ น้องๆ ที่รับงานจะยิงรับที่จุดเดิมเสมอ ถ้าเคยชินแล้วจะรู้เลยว่า ลืมติดตัวไหนไป กับ คนที่ putaway จะไม่ต้องลงจากรถตอนยิงสินค้า สามรถยกพาเลทและยิงได้เลย เพราะรถยกจะบังคับให้คนขับเอี้ยวตัวนิดนึงอยู่แล้ว เมื่อยิงปุ๊บก็สามารถยกเก็บและหมุนรถยิง location label ที่เสาได้เลย ลดเวลาไปเยอะมากครับ

ถามว่า เรื่อง putaway ไม่มีอะไรเลย ทำไมผมถึงสนใจนัก…สำหรับผมแล้ว putaway คือเรื่องที่สูญเปล่าที่สุดในคลังสินค้า เพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ก่อเกิดรายได้อะไรเลย แต่ดันเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุด เพราะของจะหาเจอง่ายยาก จะลดเวลาตรงไหนได้บ้าง ผมว่า putaway นี่แหละเป็นตัวตอบโจทย์เลยครับ

ลองดูกันนะครับ หากมีข้อสงสัยติดต่อมาที่เพจได้เลยนะครับ

#Warehosuemanagement, #Replenishment, #Putaway

ใส่ความเห็น