จะหาลูกค้าทั้งที (Strategy for SALE)

.

ทุกวันนี้ความวุ่นวายจากสิ่งรอบข้างนั้นแสนสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะหลาย ๆ สิ่งรอบตัวพยายามหมุนตัวเองให้เร็วขึ้น…ย้ำนะครับว่า “ทุกอย่างพยายามหมุนตัวเองให้เร็วขึ้น” เพราะเมื่อเทียบกับความวุ่นวายในอดีตไม่ได้เน้นความเร็วที่ว่องไวขนาดนี้ จึงทำให้ส่งผลต่อการทำงานที่ชัดเจน บางที่อาจจะถึงขั้นเรียกว่าสะเปะสะปะ ก็เป็นได้…..

.

เมื่อเราสะเปะสะปะ มันก็เลยไม่ได้ศึกษาอะไร ๆ ลงไปลึก ๆ ในธุรกิจของ Logistics นั้น บางทีเราก็ตั้งธงไว้พอควรเลยว่า เราจะหาลูกค้ากลุ่มนี้กลุ่มนั้น ทั้ง Automotive, FMCG, Retail, Fashion, Chemical, Supply, Food มีอีกมากมายครับที่เราจะต้องเข้าไปเจาะเพื่อให้ได้บริการแก่ลูกค้าเหล่านี้..แต่บางครั้งเราเองก็อาจจมีจุดที่ทำกันจนชินแล้วก็ลืมเลือนไปว่า…”แล้วตัวเรานั้นคือใคร?” บางทีแค่ “รู้เรา” อย่างเดียวนั้น ก็ถือว่าเรามีชัยไปกว่าครึ่งตามที่ซุนวูได้กล่าวไว้…เช่น เมื่อถึงเวลาเริ่มต้นปีมาถึง…เราควรจะต้องเริ่มต้นก่อนว่า ตอนนี้ “เรามีอะไร?” แล้ว “อะไรคือจุดเด่น?” “เราจะรองรับธุรกิจประเภทไหนที่มาช่วยให้ต้นทุนต่ำลงหรือทำให้คลังใหญ่ ๆ หนึ่ง คลังจะสามารถใช้อุปกรณ์ที่เรียกได้ เสมือนจะใช้ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น…

.

การรู้เรานั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก หากจะทำอะไร เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีอะไร แล้วเราจะทำอะไรต่อไป…หรือเอาอะไรของเราไปขายดี…และเราก็จะกระโจนเข้าสู่ Red Ocean คือการทำธุรกิจด้วยการเอาราคาเข้าสู้….แต่อย่างที่บอกครับว่า โลกมันวิ่งไปไวมาก เป้าหมายที่เพิ่มทุกปี บางทีก็ทำให้เรามองพลาดไปว่า..สภาพเศรษฐกิจแบบไหน จะเล่นแบบไหนดี..บางทีการนิ่งเฉยอาจจะดีกว่าออกไปทำแล้วติดกับดัก….

.
เมื่อเรา “รู้เราแล้ว” มันยังต้องไปต่อที่การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในสิ่งที่ทำ…อันนี้มีอะไรบางอย่างสอนใจผมมาตลอดเรื่องการพัฒนาตนเอง ผมใช้เพลงไข่เจียวของวงเฉลียงครับ…หลายคนบอกว่าเพลงอะไร มีแต่ไข่เจียว…แต่เชื่อเถอะครับ ลองตั้งใจฟังแล้วคุณจะพบว่า หลักการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น..นอกจากตั้งคำถามที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ การตั้งใจทำอะไรสม่ำเสมอและดีขึ้นเรื่อย ๆ ก้เป็นอีกหนทางเช่นกัน โดยสิ่งเหล่านี้จะต้องมีพลังจากข้างในตัวคุณที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนามัน…

.

ลองตั้งโจทย์เล่น ๆ นะครับ ถ้าคุณจะขายบริการงานคลังสินค้า อะไรที่คุณควรจะรู้บ้าง…ด้วยสัญชาตญาณ เราคงต้องบอกว่า ก็ขายคลังในรูปแบบที่เราให้บริการอย่างถนัดมือ เช่น คลังของเราถนัดการจัดจ่ายยา..ฝ่ายขายก็อย่าไปเลือกธุรกิจอะไหล่รถยนต์ทำเลย จะดีกว่านะครับ…หรือบางคนอาจจะทำได้หมด แต่ไม่สุดสักอย่าง..ก็หามาทุกรูปแบบ..แต่ทั้งสองแบบมีข้อดีและเสียนะครับ… หากคุณ Focus ที่สินค้าเพียงแบบเดียวก็ง่ายไปหลายอย่าง ทั้งคนก็ไม่ต้องหาหากหลายแบบ, แบ่งปันกันใช้งานได้ ทั้ง Rack และ MHE แต่หากคุณทำหลาย ๆ รูปแบบ อุปกรณ์อาจจะแชร์ได้ แต่ ความถนัดในการจัดการสินค้าแต่ละประเภทยังคงต้องพึ่งพาประสบการณ์ในการทำงานกับสินค้านั้น ๆ …จึงไม่ง่ายนะครับ หากคุณจะถนัดทุกด้าน…

.

ลองพิจารณานะครับ…อย่าเพิ่งปล่อยผ่านประเด็นนี้ไปนะครับ เพราะบางบริษัทนั้น..อาจจะมีลูกค้าเยอะนะครับ แต่ใช่ว่าต้นทุนจะถูกนะครับ ความวาไรตี้ที่ยิ่งการงานเลี้ยงนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง..คำที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา” นั้นกินใจความลึกซิ้ง หากมีโอกาสลองพิจารณาในใจความนี้เยอะ ๆ นะครับ

.

ขอเอาใจความสำคัญมาแปะไว้นะครับ แต่ที่ไม่พลาดคือลิงค์ของเพลงครับ ลองฟังดูและคิดตามนะครับ อย่ามัวแต่ทานไข่เจียวแล้วเข้าปากไปนะครับ แอบคิดถึงก่อนนิดนึงนะครับ

……(ขอถาม) เขาถาม

(ขอถามเขาเขาเติมอะไรใส่) ฉันเติมอะไรลงไปในไข่

(เขาตอบ) ขอตอบ

(ใส่ความตั้งใจนั้น) และแสนสำคัญจริงใจกับไข่……

https://www.youtube.com/watch?v=zasR4jNxtE8

.

ไฟฟ้าแสงสว่าง (Lighting in Warehouse)

.

บ้านมีหลอดไฟ ในคลังก็ต้องการแสงสว่างในการทำงาน…หลัก ๆ การทำงานนั้นต้องมีแสงสว่าง เรามาดูกันครับว่าในคลังมีมาตรฐานความสว่างในคลังเท่าไหร่กันบ้างนะครับ

.

พื้นที่จัดเก็บ 100 LUX

พื้นที่ทางเดิน 50 LUX

พื้นที่ สำนักงาน 200-600 LUX แล้วแต่ประเภทการทำงาน..

แล้วเราวัดกันอย่างไร…หลักการง่าย ๆ ครับ คือ การจัดแสงนั้น วัดที่พื้นที่ทำงาน (ระดับพื้น) และ ระดับสายตาของคนทำงาน..จะต้องมีค่าความสว่างอยู่ในเกณฑ์

.

โดยทั่วไปนั้นในคลังสินค้า เราจะเห็นโคมไฟแสงสว่างเป็นลักษณะฝาชี…คำสามัญที่ใช้เรียกจะเรียกว่า โคม Hi-Bay ซึ่งจะมีแสงสว่างที่สะท้อนจากความโค้งด้านในตัวโคม และพุ่งตรงมายังพื้นที่ใต้โคม..เมื่อวัดความสว่างของแสงที่ตกแถว ๆ พื้นคลัง จากนั้นจะนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบค่าตามข้อกำหนดต่อไป…ในคลังทั่วไปนั้น ไฟฟ้าแสงสว่างจะเป็นค่าใช้จ่ายหลักในการทำงานคลังสินค้าเลยทีเดียว..การจัดการก็คงจะมีเพียงแค่ เปิดยังไงให้ถูกที่สุด หรือ ปิดไปเลยไม่ต้องใช้…

.

พัฒนาการของการสร้างคลังก็มีเรื่อยมา เช่น การทำหลังคาให้แสงสามารถลอดลงมาได้ผ่านแผนใสบนหลังคา  แต่ดันมีของแถมอ่างเช่นความร้อน และการหมดอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากับวัสดุมุมหลังคาอื่น ๆ อีก และใช้ได้แค่เวลากลางวันที่แดดจัด ๆ เท่านั้น..ดังนั้น การที่ปิดไฟแล้วทดแทนด้วยหลังคาใส บางทีอาจจะไม่คุ้มเพราะสุดท้ายก็ต้องเปิดไฟฟ้าแสงสว่างช่วยอยู่ดี…ปัจจุบันนั้นมีหลอดประหยัดไฟฟ้าหลากหลายแบบมาก.. และเมื่อเทียบราคาดี ๆ แล้ว ยังถือว่า ซื้อมาใช้ได้แต่ด้วยราคาที่แพงในตอนเริ่มต้นอาจจะไม่ได้ทำให้ไม่ดึงดูดนัก แต่เชื่อไหมครับ เมื่อใช้ไปถึงสัก 2 ปี ราคาจะถึงจุดคุ้มทุนได้ (หากวางแผนมาดี) และหลังจากนั้นจะเริ่มกำไรแล้ว…

.

ไม่ว่าจะสร้างคลังใหม่ หรือต้องการปรับปรุงคลัง การเลือกเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าแสงสว่างจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดีนะครับ ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีก้าวไกลไปมาก..ถึงขั้นสามารถเปิดปิดโคมไฟในคลังด้วยการตรวจจับความเคลื่อนไหว…(Motion Detect) แล้วไฟก็จะค่อย ๆ ดับไป (Dimming) โดยใช้เป็นหลอด LED ซึ่งใช้พลังงานน้อยและยังคงให้แสงสว่างได้ในระดับที่ต้องการ

.

บางครั้งการเลือกลงทุนอาจจะต้องมองยาว ๆ นะครับ ถ้ามองแค่สั้น ๆ  หรือเงินถุงเงินถังไม่มี บางทีอาจจะต้องใช้ถูก ๆ ไปก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านเริ่มจนพอจะปรับปรุงระยะยาวแล้วนั้น..การพัฒนาปรับปรุงก็อาจจะเสียเงิน 2 รอบ แต่ถ้าหากว่ามันทำให้ไปต่อได้ก็ยังคงทำให้งานเดินหน้าต่อไปได้นะครับ..

.