ค่อย ๆ พูด หนะ ค่อย ๆ พูด….

.

ความสุภาพและไพเราะของน้ำเสียงในการบอกงานต่อกันนั้น เป็นน้ำใจอันดีงามที่สะท้อนถึงความเข้าอกเข้าใจกัน..แต่เวลาเอาเข้าจริง ๆ ไม่รีบ หรือไม่มีปัญหามันก็ให้น้ำใจกันได้ แต่หากว่าปัญหาเกิดหละ…แทบจะฆ่ากันเลย…ไม่รู้ทำไม…แต่ได้ยินประจำครับ บางทีหนักข้อเข้า เกลียดขี้หน้ากันไปเลย…แต่เอาจริง ๆ แล้วมาเข้าสาระกันดีกว่านะครับ…

.

การจะจ่ายงานให้กับเพื่อนไม่ว่าจะเป็นการหยิบสินค้า หรืองานรับสินค้า ก็คงไม่แตกต่างกัน..ต้องมีแผนงานก่อน ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนที่แล้วว่า วางแผนเรียบร้อย คราวนนี้ ถ้าเป็นแบบโบราณก็ต้องมีการแยกงานออกจากกัน เป็นหมวดหมู่ และ ขั้นตอนการทำงาน เช่น การรับสินค้า สินค้าที่กำลังเดินทางมายังคลัง สินค้าที่ตรวจสอบสภาพเสร็จ หรือ สินค้าที่รับไปแล้ว อันนี้เราต้องแบ่งแยกให้ชัดเจน..แยกเป็นวัน เวลา ขั้นตอนการทำงาน…ต้องแยกอย่างละเอียดนะครับ เพราะ หากว่าแยกไม่ละเอียด และเราหลุดทำไม่ครบทุกขั้นตอน บางที การทำงานไม่สมบูรณ์นะครับ ก็รับของได้ไม่เรียบร้อย หรือจ่ายของไม่เรียบร้อย…

.

การแยกเอกสารหลัก ๆ มีอะไรบ้าง.ก็ตามงานเลยครับ

การรับสินค้า à การตรวจสอบสินค้า à การรับสินค้าเข้าระบบ à การรวบรวมเอกสารเพื่อจัดเก็บหรือส่งให้ลูกค้า (อาจจะ Scan ส่งเข้าระบบ)

การจ่ายสินค้า à ใบคำสั่งหยิบ (หากมี) à ใบหยิบสินค้า à ใบหยิบสินค้าที่หยิบเสร็จสิ้นแล้ว à เอกสารเตรียมส่ง à ใบเสร็จรับเงิน à ใบยืนยันการรับสินค้า à รวบรวมเอกสารส่งให้ลูกค้า

การรับสินค้าคืน à เอกสารยืนยันการรับคืนสินค้า à เอกสารยืนยันการรับสินค้า à เอกสารส่งคืนลูกค้า

.

ในคลังกับโรงงาน หากเทียบเป็นขั้นตอนการทำงานแล้วแทบจะไม่ต่างกัน แต่เท่าที่เห็น ๆ มา ในโรงงานจะมีระเบียบชัดเจน และเรียงเก็บอย่างเรียบร้อย เพราะการสอบกลับนั้นเกิดขึ้นเสมอ ดังนั้นหากอยากสอบกลับได้ไว การจัดเก็บที่ดีจึงมีผลมาก ๆ

.

ดังนั้นหากจะต้องจ่ายงานให้แก่กัน อย่างเพิ่งทำแบบส่งให้เพื่อนเฉยนะครับ รบกวนช่วยวางแผนก่อน แล้วค่อยแจกจ่ายให้แก่กันนะครับ งานจะง่ายยากก็ตรงนี้แหละครับ แค่คุยกันนี่แหละ

.

คุยกันดี ๆ มันก็ช่วยได้

.

โลกทุกวันนี้การสื่อสารอยู่เพียงปลายมือ ถ้าเป็นเมื่อสัก 10 ปีที่แล้วนั้น อาจจะได้แค่ได้ยินเสียง แต่ทุกวันนี้ง่ายมากๆ แถมเห็นหน้าอีกต่างหาก เชื่อไหมครับ เมื่อก่อนหน้านี้นั่น การจะคุยกันที่ต้องเขียนจดหมายหรือไม่ก็ โทรเลขครับ…ไม่ได้มาเล่าเรื่องการสื่อสารนะครับ แต่อยากจะมาเล่าเรื่องการสื่อสารในการทำงานมากกว่า…..

.

การทำงานร่วมกันเป็นทีมคงหนีไม่พ้น ไม่ว่าจะการทำงานอะไร หากคุณไม่สามารถทำกิจกรรมนั้นด้วยตัวคนเดียว การคุยกันให้รู้เรื่องถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ นะครับ ดังนั้นผมจึงออกแบบการทำงานให้เริ่มต้นด้วยการคุยกันเสมอมา…จะเรียกว่า คุยทุกเช้า กลางวัน หรือก่อนกลับบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ เพราะการคุยกัน จะทำให้สามารถไปทางเดียวกัน….ทุกวันนี้คุณอาจจะบอกว่า ก็พิมพ์ทิ้งไว้ใน ไลน์สิ ง่ายดี…ก็ไม่เถียงนะครับ แต่ผมว่า การดูเรื่อง ๆ เดียวกันพร้อม ๆ กันมันต้องมาเจอหน้ากันถึงจะไวนะครับ…

.

ทุกวันอาจจะต้องเอากระดานสักตัวมาดู แล้วเขียนออกมาว่า มีงานอะไร ที่เหลือจากเมื่อวาน และก็มีอะไรที่กำลังจะเข้ามาปะทะในเวลาอันใกล้ หรืออยากจะสื่อสารอะไรให้ทำ….ดูง่าย ๆ แต่ไม่ง่าย นะครับ เพราะ ความจริงแล้วมันคือกระดานที่ค่อยเตือนใจเสมอว่า อะไรที่ยังไม่ทำ….จดด้วยมือ จำได้แม่น…แต่จากการมองข้ามก็ทำให้ลืมกันไป…

.

จากประสบการณ์นะครับ เคยมีครั้งหนึ่งในการทำงาน หัวหน้างานของทีมงาน ไม่ยอมประชุมกับน้อง ๆ ในทีม วันแรก ๆ ก็ชิว ไม่เห็นมีอะไรเลย… แต่เชื่อไหมครับ ไม่เกินสัปดาห์เดียวเอง…ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจริง ๆ ครับ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าวันนี้ต้องทำอะไรนะครับ แต่สิ่งที่ลืมไปรุนแรงกว่านั้นคือ “การพูดคุยกันในเรื่องงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน”..พอถึงเวลาที่งานเสร็จ ก็ไม่สนใจอีกทีมว่าทำเสร็จไหม สุดท้ายก็ชิวกลับบ้าน เพื่อนทำงานไม่ทันก็ไม่รู้ไม่สนใจ…(อันนี้ไม่รู้ชาติอื่นเป็นไหม..แต่คนไทยนี่ ใช่เลยครับ) พองานเพื่อนไม่เสร็จ แล้วไม่มีใครมาเสริม…ก็ทำให้งานของคนถัดไปไม่จบเช่นกัน..ต่อไปเป็นลูกโซ่ ….ซึ่งอันนี้ก็เป็นข้อหนึ่งที่ทีมที่ทำงานไม่ทันชอบ เพราะอยู่ได้ดีเลยโอทีเพียบ…แต่เชื่อเถอะครับ ไม่มีใครอยากทำแต่งานคลอดทั้งวันทั้งคืนหรอกครับ…เคยเจอบางทีมงาน ทำโอ วนกะ จนกลายเป็น วันนึงทำงาน 18-22 ชม แค่นี้นะครับ ไม่เกิน 3 วัน เห็นลาออกกันหมด…(อย่างที่บอกนะครับไม่รู้ว่าชาติอื่นเป็นไหม แต่คนไทย….เพียบ) เจอมันวนไปจนเป็นวัฏจักรเลยครับ ดังนั้นลองดูนะครับ คุยกันก่อนเริ่มงานในทุกช่วง วางแผนกันให้ดี และทำงานให้จบด้วยทีมงาน ทุกคนเป็นทีมเดียวกัน…หนีไม่พ้นหรอกครับ เพราะงานมันต่อกัน…

.
โปรดอย่าทำการคุยกันเพราะมันเป็นเรื่องที่ “นายสั่ง” หรือ “เค้าทำ ๆ กันมา” อันนี้ก็คนไทยไป…ทำไปงั้น ๆ ให้หมดไปวัน ๆ …เชื่อไหมครับทำงานกับเด็กพม่า (เมียนม่า) นั้น ผมยังรู้สึกถึงความกระตื้อรื้อร้นของเค้ามากกว่าคนไทย อาจจะเพราะเค้ามาจากต่างถิ่น..หรือ อาจจะเพราะอยากได้เงิน แต่เชื่อไหมครับ ผมเจอพวกเค้าส่วนใหญ่ เค้าอยากได้งานเยอะ โอทีเยอะจริงๆ แต่เค้าไม่ค่อยดึงงานเท่าไหร่ (อันนี้ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ สงสัยกลัวโดนส่งตัวกลับ) ลองเปลี่ยนตัวเองใหม่ครับ มันคือเวทีหัดพูดสำหรับหัวหน้างาน ที่วันนึงคุณจะโตขึ้น เมื่อคุณโตขึ้น คุณจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องพูดกับคนมาก ๆ

.

ไม่มีใครเก่งหรอกครับ ถ้าไม่อยู่ในฝูงชน ข้อคิดนี้ผมได้จาก กอเหลาซินแซ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์….เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่รู้ว่ากอเหลาซินแซนั้น ก็จอมทัพคนนึงของ CP เลยหละครับ….ดังนั้น การฝึกฝนตัวเองให้ควบคุมหรือดูแลฝูงชนได้นั้น ก็คือ ความเป็นผู้นำของคุณนั่นเอง…

.