.
จากเรื่อง 4P อันได้แก่ P ที่ 1 Place หรือ “สถานที่” , P ที่ 2 Product หรือ “ตัวสินค้า”, P ที่ 3 People หรือ “ทีมงาน”, P ที่ 4 Process หรือ “ขั้นตอนการทำงาน” …สิ่งที่เราขาดไม่ได้เช่นกันอีกตัว อาจจะเรียกว่ามันคือเงินทองของทั้งผู้ให้บริการคลังและผู้ใช้บริการ ก็คือตัวสินค้าหรือ Inventory นั่นเอง..
.
Product คงจะกินใจความได้กว้างกว่า Inventory อีกนิด เรามาดูกัน..product คือ ตัวสินค้า และมีอะไรบ้างที่เราต้องสนใจในตัวสินค้า..มีหัวข้อที่เราต้องดูดังนี้…
- กลุ่มสินค้านั้น คือสินค้ากลุ่มไหน…ต้องเก็บในการควบคุมอะไรบ้าง…เป็นสินค้าอุปโภคหรือบริกโภค…(Product spec)
- ปริมาณที่ต้องรับ-จัดส่งในแต่ละวัน เดือน ปี เท่าไหร่ (Trend)
- การควบคุมการจ่ายสินค้า (lot/batch)
- อายุสินค้า (Age)
- ขนาด (Dimension)
- น้ำหนัก (Weight)
หลักๆ เราก็จะนึกถึงประมาณนี้..แต่ที่ไหนได้บางเราอาจจะต้องเดินไปที่ร้าน หรือโรงาน หรือปลายทางที่จะรับสินค้า เพื่อมองหาแล้วมองให้ออกว่า ลูกค้า หรือผู้ใช้งานสินค้าที่ปลายทางนั้นใช้ของยังไง แล้วเราจะจัดขชองอย่างไรให้สอดคล้องกับปลายทางที่จะรับสินค้า..
.
เรื่องตัวสินค้านั้นนอกจากจะเรียงและจัดส่งแล้ว ตัวพนักงานเอกก็ต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงการดูแลตัวสินค้าเป็นอย่างดี… แต่ปัญหาที่มักเจอบ่อย ๆ และไม่สามารถแก้ไขได้มีเยอะมากเกี่ยวกับคำว่า “ตัวสินค้า” เช่น ตัวบลูกค้าเอง ก็ยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองขายของอะไรไปเท่าไหร่..การดูแลสินค้าจะจัดการยังไง….เวลาที่ให้เสนอราคาเองก็ไม่ให้ข้อมูลทั้งหมด (โดยอาจจะใช้คำว่า “ไม่สามารถบอกอะไรมากกว่านี้ได้”) ซึ่งนั่นเองเป็นเหตุผลที่สำคัญอีกอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำราคาไปเสนอได้อย่างตรงใจ (ถูกและดี แบบ Foodlands นั่นเอง) …ดังนั้น ความสำคัญของ Product จึงเป็นเรื่องที่สับซ้อนมาก และ ละเอียดอ่อนมาก เพราะ ให้มากไปก็ไม่ได้ ให้น้อยไปก็ไม่ได้ จนกว่าจะถึงขั้นตอนการระบุในเอกสารเปิดเผยข้อมูลกัน ถึงจะเปิดเผยได้อย่างเหมาะสม เพราะข้อมูลจะเป็นความลับระหว่างผู้ที่ให้และผู้รับข้อมูลไปใช้…
.
ในอีกมุมหากท่านเป็นผู้ที่ต้องเข้าไปทำงานในคลังสินค้าที่มีการให้บริการอยู่แล้วนั้ สิ่งแรกสุดที่ผมว่ามันช่วยได้คือ หารเรียนรู้สินค้าทั้งหลายภายในคลังให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และควรจะไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังเช่นซุนวูว่าไว้ “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครา” หากเรารู้ว่า ลูกค้า หรือปลายทางจัดการสินค้ายังไง (รู้เขา) แล้วเอามาย้อนคิดกลับว่า เราจะจัดการกับสิ่งที่เราบริการอย่างไร (รู้เรา) แต่ด้วยความรู้ทั้งสองส่วนนั้น เราจะต้องไม่ประเมินเพียงแค่ว่า เรารู้ หากแต่ต้องรู้จริง ๆ ในสินค้านั้น และสามารถจัดการกับสินค้าได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าเปิดร้านใหม่, ปลายทางไม่รับสินค้า, โรงงานไม่ผลติสินค้าตัวนี้, ต้นทางส่งสินค้ามาผิดตัว หรือ วันผลิต, มีสินค้าย้อน Lot (วันผลิตของสินค้าที่ส่งมารอบหลัง อายุสั้นกว่ารอบแรก) เป็นต้น…เพราะเราเองจะไม่สามารถควบคุม แผนการจัดการสินค้า (Product Strategy เช่น FIFO, FEFO) ได้เลย
.
ส่วนของ Place เองก็ต้องพึ่งพาข้อมูลจาก Product ในการออกแบบเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตัวกำหนดทุกอย่างภายในการออกแบบเลยทีเดียว..หากคุณยังไม่รู้ว่า Product ที่คุณส่งจัดเก็บและจัดส่งนั้นคืออะไร คงไม่มีเวลามาคิดแล้วว่าจะดูแลอย่างไร ต้องเริ่มจากการทำความรู้จัก Product ให้ถ่องเสียก่อน และคุณจะทำงานกับคลังด้วยความสนุก
.