เครื่องมือจัดการสินค้า (MHE ; Material Handling Equipment)

.
คลังสินค้านั้นจัดการสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะหรือจัดการสินค้าที่หลากหลายรูปแบบ เช่น การหยิบสินค้าที่ละหลาย ๆ ตัว หรือหยิบสินค้าลงมาทั้ง พาเลท…การทำงานพวกนี้ จริง ๆ ในอดีตอันแสนนานก็ทำกันนะครับ แต่ว่าทำด้วยแรงคน…ขนของจากล่างขึ้นบนและบนลงล่าง…ทีละกล่อง ทีละกล่อง…ต่อเนื่องจนครบ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วนั้น การทำงานก็จะต้องใช้ คนและเวลาที่เยอะเพื่อขนสินค้าให้เข้าที่จัดเก็บ การทำงานด้วยแรงงานคนก็เริ่มจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร เช่นรถยก รถลากจูง ด้วยเชื้อเพลิงทีใช้ในการขับเคลื่อนที่หลากหลาย..

.
หลัก ๆ ในช่วง ๆ นี้ (ปีพ.ศ. 2560) นี้ มีเทคโนโลยีเยอะมาก ๆ ให้เลือกสรร ตามแต่ต้นทุนจะอำนวย..บางทีพร้อมจะลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ก็จะยอมจ่ายแพง เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีขึ้น รวมทั้งทดแทนค่าใช้จ่ายในด้านแรงงานที่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรนั่นเอง…การเคลื่อนไหวที่สำคัญที่ทำให้คลังสินค้าสามารถเก็บสินค้าได้เยอะคงไม่พ้น…ความสูง ถ้าเราสามารถยกของขึ้นที่สูง ๆ ได้…ก็เท่ากับเราใช้พื้นที่ในอากาศได้มากขึ้นนั้นเอง….(ลองสังเกตกระป๋องน้ำอัดลมนะครับ ยังเน้นทำให้สูงและผอม เพื่อเพิ่มความจุในการจัดเก็บ) เครื่องมือที่ใช้ยกขึ้นเก็บมีมากมาย…แต่ยังคงต้องมีที่เก็บในอากาศก่อน (เรียกว่า Selective Rack) เมื่อสร้าง Rack แล้วก็ยกขึ้นเก็บ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ก็จะมี Reach truck ซึ่งตัว Reach truck เองก็มีหลากหลายแบบและยี่ห้อ…

.

หาก Rack มีระยะการวิ่งปกติ ก็จะเรียกว่า Selective Rack แต่หากมีซ้อน 2 ชั้นก็จะเรียกว่า Double Deep Rack แลหากทางวิ่งแคบลงจะเรียกว่า Very Narrow Aisle Rack (VNA Rack) นั่นเอง…การเลือกประเภทของความสูงของ Rack ความกว้างของ Rack (Aisle Width) จะต้องถูกออกแบบและเลือกตัวที่เหมาะสม เพราะ Reach truck เองก็มีให้เลือกตามความสูงและแคบ รวมทั้ง น้ำหนักยกด้วย..หากแต่สุดท้ายยังต้องเลือกอุปกณณ์ให้เหมาะกับการทำงาน ดังนั้น.จึงมีการผลิต Order picker ที่ผู้ขับจะขึ้นไปกับส่วนยก เพื่อหยิบสินค้าในที่สูงได้เลย…การใช้งานจะต่างกันไปตามการหยิบสินค้า…MHE เองก็ยังมีอีกหลากหลายเพื่อเคลื่อนสินค้าในแนวราบรวมอยู่ด้วย เช่น Power Pallet Truck, Tractor เป็นต้น..

 

ผมยืมคลิปของ Raymond มาให้ลองดูเพื่อเพิ่มความเข้าใจนะครับ (ลองสังเกตนะครับว่า.. คลิปมันเก่ามากแล้ว จริง ๆ พวกต่างประเทศเค้าใช้กันมานานมาแล้วครับ เดี๋ยวจะหาตัวใหม่ ๆ มาให้นะครับ เดี๋ยวนี้ แทบจะทำงานแทนคนได้หมดแล้ว)

Reach truck

https://www.youtube.com/watch?v=kPU0fIqnOOk

Power Pallet Truck

https://www.youtube.com/watch?v=PuHD3ZuxrWM

สถานที่ (P-Place)

.

จากเรื่อง 4P อันได้แก่ P ที่ 1 Place หรือ “สถานที่” , P ที่ 2 Product หรือ “ตัวสินค้า”, P ที่ 3 People หรือ “ทีมงาน”, P ที่ 4 Process หรือ “ขั้นตอนการทำงาน” จากขั้นตอนการทำงานก็คงจะเป็นเรื่องของสถานที่ทำงาน (Place)…

.

เมื่อเราศึกษาและเข้าใจถึงขั้นตอนการทำงานรวมทั้งลูกค้าได้ให้ความไว้วางใจให้บริการคลังสินค้า (หรือผู้บริหารตกลงให้ดำเนินการสร้างคลังภายในโรงงาน) เราจะต้องมาเริ่มออกแบบและวางแผนสร้างกันหละครับทีนี้…หลัก ๆ ของการสร้างนั้น ขอแบ่งเป็น 3 ส่วนนะครับ ส่วนแรกเป็นเรื่องของโครงสร้างอาคาร (Building) ส่วนที่สองคือ อุปกรณ์จัดเก็บประเภทต่างๆ (Storage) และส่วนที่สาม คือ อุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายสินค้าในรูปต่าง ๆ (MHE: Material Handling Equipment)

.

เริ่มต้นด้วยอาคารที่จัดเก็บที่จะต้องออกแบบให้สอดคล้องกับขั้นตอนการทำงาน..ทั้งการรับสินค้าเข้าและจ่ายออกนะครับ..โดยการออกแบบนั้น เมื่อได้รับปริมาณสินค้าที่จัดเก็บและพื้นที่ที่ต้องการหละก็ จะเริ่มด้วยการกำหนดพื้นที่โดยประมาณ และพื้นที่ให้เหมาะสมกับปริมาณ (คาดเดาและประมาณจากการคำนวณ) จากนั้นก็เลือกทำเลของแต่ละคลังที่เลือกไว้ ด้วยหลักการ Center of Gravity หรือ ศูนย์กลางแรงดึงดูด เมื่อได้คลังตามจุดที่ต้องการแล้วนั้น เราจะเริ่มวางพื้นที่จัดเก็บก่อนนะครับว่า Rack ควรจะอยู่ตรงไหน หรือจะใช้อะไรในการเก็บ เช่น ถ้าหากว่าลูกค้ามีเงินเยอะและพร้อมลวทุนกับเทคโนโลยี ก็อาจจะเลือกใช้การจัดเก็บรุ่นใหม่ ๆ เช่น พวก ASRS  หรือ Shuttle System ก็จะต้องเลือกออกแบบกันไปนะครับ..โดนเทคนิคหลัก ๆ ของการวางตำแหน่งต่าง ๆ ภายในคลังนั้น ก็จะต้องคำนึงถึงการไหลของสินค้ารวมทั้งการกีดขวางพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานไหลลื่นและไม่ติดขัดในการทำงานครับ..

.

เมื่อออกแบบได้ครบถ้วนแล้วนั้น..ทางทีมออกแบบจะต้องประเมินถึงเครื่องที่จะใช้ในการเคลื่อนย้ายสินค้า (MHE) ซึ่งจะต้องสอดคล้องกันนะครับ เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าได้ไวที่สุด และง่ายต่อการทำงานของพนักงานที่สุด การเลือก MHE นั้น จะเลือกตามรูปแบบของการจัดเก็บ เช่น ถ้าการทำงานเป็นส่วนของการวางพื้นเฉย ๆ อาจเพียงแค่ใช้รถ Forklift หรือ Power Pallet Truck ก็อาจจะจัดการได้ แต่หากจะต้องใช้ Selective rack หรือชั้นวางแนวสูง ก็จะต้องใช้ Reach truck เพื่อยกสินค้าขึ้นไปบน ชั้นเก็บแต่ละชั้น ครับ…การเลือก MHE จึงมีผลต่อการทำงานเป็นอย่างมาก…

.

จากนั้นนำทั้งสามส่วนมารวมกันนั้น สถานที่จัดเก็บ หรือ Place ที่ต้องการนั้น ก็คือ คลังสินค้าที่เราเห็นและทำงานกันนั่นเอง…จากข้างบนมันง่ายนะครับ แค่ไม่กี่บรรทัดก็เขียนออกมาได้ หากแต่จะออกแบบให้ทุกส่วนลงตัวและกลมกล่อม ต้องเรียกได้ว่าต้องใช้ศิลปะพอควรเลย…จะเรียกว่า “สถาปนิคงานคลัง” ก็ได้นะครับ..งานพวกนี้ต้องใช้ความรู้หลาย ๆ ศาสตร์ ดังนั้นการออกแบบคลังสินค้าจึงต้องใช้ความคิดและประสบการณ์มาจินตนาการเข้าด้วยกัน….

.
การจัดการแผนผังคลัง (Layout Plan) หรือ การไหลของคลังที่ดี (Flow) จะช่วยให้การทำงานมีต้นทุนที่ถูกต้อง แม้นไม่ใช่งานง่าย แต่ไม่ยากจนเกินไปครับ ปัจจุบันนี้..มีโปรแกรมสำเร็จรูปมากมายให้เลือกใช้ ระบุค่าต่าง ๆ เช่น workload, demand volume, equipment, storage, manpower… และเมื่อประมวลผลออกมาก็จะพบว่า สิ่งที่ใส่เข้าไปเป็นจริงหรือไม่ แต่ทีเด็ดคือ โปรแกรมเหล่านี้จะจำลองคลังออกมาทั้งคลัง รวมทั้งแสดงภาพเคลื่อนไหวให้เราดูได้ว่าที่ออกแบบมานั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร…

.

สถานที่ทำงาน หรือ Place ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ จะไม่มีประโยชน์เลยหากออกแบบด้วยแนวความคิดที่ไม่ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น..แต่ใครเล่าจะตัดสินใจได้ว่า สิ่งไหนดี..การเลือกทั้งสามส่วนของ Place นั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องผ่านการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างดี รวมทั้ง Place นี้เองก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าหรือผู้บริหารตัดสินใจเลยว่าจะไปต่อด้วย หรือต้องรื้อและศึกษาหาความเหมาะสมกันใหม่…

.

ในส่วนนี้มีหลายคำศัพท์มากที่เกี่ยวข้องกับงานคลังสินค้า ผมจะทยอยนำคำศัพท์เหล่านั้นมานำเสนอเรื่อย ๆ  ในโอกาสต่อไปเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นครับ..

.

Credit Photo: Flexsim

ปู๊ดป๊าด หยิบมาให้ทันที (Automatic Warehouse)

.

อัตโนมัติ (Automatic) ในคลังสินค้ามันมีหน้าตายังไง…ตามหลักของคลังสินค้านั้น มีการทำงานหลัก ๆ ตามหลักฟิสิกส์ อยู่ 2 อย่าง คือการเคลื่อนไหว (Dynamic) กับอยู่กับที (Static) เราจะวุ่นวายกับเรียบง่ายในการทำงานก็เพราะ 2 แนวคิดนี้..บางทีดูไม่เกี่ยว…แต่เราลองดูมิติให้เห็นภาพนะครับ…

.

น้อง ๆ จะต้องตักสินค้าเข้าไปเก็บ ก็คือจาก Dynamic ไปยัง Static เมื่อหยิบสินค้าจัดส่ง ก็จาก Static ไป Dynamic… อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ..จุดเริ่มมันอยู่ตรงนี้ครับ…ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเราจัดการให้เราจัดการเรื่องพวกนี้ได้ เป็นอันจบถูกไหมครับ…ในปี 1960 ก็จึงเริ่มมีความคิดว่า เอาเครื่องจักรที่สามารถควบคุมพิกัดของสินค้าบน Rack (Static) แล้วก็เป็นเครื่องจักรที่สามารถเคลื่อนย้าย (Dynamic) มายังจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ..ผมคงไม่อธิบายมากกว่า เพราะเอาวีดีโอจาก Youtube มาแนบให้ดูแล้วนะครับ…..

.

ที่ยกเรื่องนี้ขึ่นมาเพราะจะย้ายของไปไหนก็แล้วแต่นะครับ..สุดท้าย เราต้องการทำทุกอย่างอยู่บน เวลาที่กำหนดจริงไหมครับ..ดังนั้นผมจะขอมาเสนอมุมมองเรื่องงบที่จะต้องลงทุนกันดีกว่าครับ…ว่ามันคุ้มจริงหรอ กับความปู๊ดปาดที่เราแลกกับเม็ดเงินที่จะลงทุน…

.

ช่วยด้วยสมการดีกว่าครับ คลังสินค้าทั่วไป ต้นทุนหลัก ๆ ก็ ค่าเช่า (Rental) + ค่าแรง (Manpower) + ค่าอุปกรณ์จัดการ (MHE) + ค่าระบบจัดการ (IT) + เงินลงทุนในเรื่องต่างๆ (Investment) แล้วเมื่อสร้างคลังตามปกติก็คงไม่พ้นว่า จะสร้าง Rack จ้างคนเข้ามาทำงาน..อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาจัดการถูกไหมครับ….แต่เมื่อมีแนวคิดว่า จะเอา ASRS (Automated storage and retrieval system) มาใช้แล้วมันคุ้มไหม…

.

ความเปลี่ยนแปลงของการใช้ ASRS นั้น ทำให้ พื้นที่ลดลง, ค่าเช่าก็ลดตาม, แรงานใช้น้อยลง, อุปกรณ์แพงขึ้นทันที, ระบบจัดการจ่ายไม่ต่างจากเดิมมาก, การลงุทนก็มีค่าใช้จ่ายหลายตัวหายไป หลายตัวเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับการออกแบบ….แต่โดยรวม แค่ค่าเช่า, ค่าจ้างพนักงาน ลดลงก็มีส่วนที่จะพลิกชีวิตกันเลยทีเดียว..มองระยะก็เงินก้อนใหญ่ มองระยะยาวก็ลดความวุ่นวายไปเยอะมาก…

.

แต่ระบบอัตโนมัติ…ไม่ใช่ยาแก้ปวดหัวที่แท้จริงเสมอไปนะครับ…เพราะการจะเลือกใช้จริง ๆ …มันไมได้ดูแค่ต้นทุนที่จะลงทุน แต่ยังต้องมองว่า มันถึงขั้นจะต้องทำแบบนี้จริงหรอไม่….เช่น ถ้าลูกค้าของคุณ เก็บของเยอะจริง ๆ แต่ไม่ได้ถูกหยิบจ่ายบ่อย..อาจจะไม่จำเป็น..ถ้าสินค้ามีความหลากหลายมากมายหลาย SKU อาจจะใช้ได้ไม่คุ้มก็เป็นไปได้..ดังนั้นเวลาจะใช้งานจริง ๆ นั้น ในไทยเริ่มแผ่หลายกับผู้ผลิต แต่ผู้ให้บริการคลังสินค้ากับไม่ฮิตในทันที คงพอเห็นภาพนะครับ…

.

ดังนั้นการเลือกอุปกรณ์อาจจะต้องมาทีหลัง แต่เราต้องรู้ก่อนว่า ความเคลื่อนไหวของสินค้ามันมีความจำเป็นแค่ไหน ความไวในการจัดส่งสินค้าก่อน…จะส่งสินค้ายังไง…แล้วเราจะเลือกเครื่องมือได้ถูกต้องครับ…จักรยานแพงแต่คุณแค่ต้องการซื้อข้าวแกงแค่หน้าปากซอย ก็ไม่ต้องซื้อมาหรอกครับ ผมเชื่อว่า ซาก๊าน (แชมป์โลกคนล่าสุดปี 2017 – สามสมัยซ้อน) ก็คงแค่ปั่นจักรยานพับไปซื้อหละครับ 555

.

Link Youtube: https://www.youtube.com/watch?v=r4ekwTShuyo