การวางสินค้า (Storage) ตอนที่ 5

.

จากที่เสนอการจัดเก็บมาตรฐานทั่วไปที่ใช้ ๆ กัน ผมว่า อาจจะต้องเอามาเทียบถึงจะเข้าใจนะครับ….ผมอยากให้ดูรูปแบจะเข้าใจ Concept นะครับ โดยหลัก ๆ แล้วก็มีปัจจัย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ พื้นที่จัดเก็บ (Storage) และ เครื่องมือยกจัดเก็บ (MHE – Material Handling Equipment) นะครับ โดยการออกแบบแต่ละชิ้นมีการเลือกดังนี้ครับ

.

พื้นที่จัดเก็บ จะต้องดู ปริมาณการหยิบในแต่ละครั้ง, หยิบเป็นชิ้นหรือเป็นกล่อง หรือไปทั้งพาเลท, ต้องแกะกล่องไหม, ความถี่ในการหยิบที่เดิม ๆ เยอะแค่ไหน, แล้วเวลาในการหยิบจะต้องจัดพื้นที่หยิบกี่พื้นที่ เช่น หยิบกล่องกับชิ้น แยกที่จัดเก็บกันไป..อันนี้คือเรื่องที่ต้องคำนึงถึงตอนที่ออกแบบการจัดเก็บนะครับ เลือกให้ดี…

เครื่องมือยกจัดเก็บ จะต้องดูถึงพื้นที่จัดเก็บนั่นเองว่าเราเลือกแบบไหน, เตรียมความพร้อมก่อนว่าจะให้คนขับจะต้องเรียนอะไรบ้าง..ยืนขับหรือนั่งขับมีผลแค่ไหน, อุณหภูมิของพื้นที่ที่ไปจัดเก็บหนาวไหมหรือทั่วไป..ต้องคิดหมดนะครับ เราอาจจะเลือกไม่ได้ว่า จะใช้อะไรทันที เพราะมีหลายยี่ห้อเหลือเกิน ดังนั้น ก่อนจะเลือกทั้ง 2 อย่างจึงต้องคิดถึงวิธีการทำงานเป็นหลัก…และความต้องการในการหยิบสินค้า…

.

คราวนี้มาเรื่องการเปรียบเทียบก่อนจะจากเรื่องการจัดเก็บพื้นฐานไปนะครับ สรุปง่ายนะครับ ผมเทียบเป็นปริมาณพาเลทต่อพื้นที่จัดเก็บที่จำกัดความสูงและพาเลทสินค้าขนาดเท่ากันนะครับ (เงื่อนไขยาวๆ อาจจะทำให้งงนะครับ) เช่น คลัง กว้าง 18 เมตร X 18 เมตร X สูง 10 เมตร ความนี้จะมาเปรียบเทียบเป็นตุ๊กตาให้นะครับ ถ้า…

Selective Rack = X

Double Deep Rack = 1.5X

VNA Rack = 2X

Drive in = 2.5X

อันนี้เป็นค่าโดยประมาณนะครับ เอาไว้เทียบเล่น แต่จะเห็นจริง ๆ ว่า ช่องทางวิ่งคือ Key ของการออกแบบเลย ครั้งหน้ามาแน่นอนแล้วครับ Automation เท่าที่ผมเคยได้คุยๆ มา มีหลาย Concept มากนะครับ

.

แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกนะครับ ไม่ใช่แค่จะทำให้สูงสุดนะครับ แต่บางทีระยะเวลาการใช้งาน หรือให้บริการ, ระยะเวลาสัญญาในการทำร่วมกัน, เงินทุนที่ลงไป, ความประหยัดที่แท้จริง…พวกนี้มีผลหมดนะครับ เราจะมาลุยกันต่อในตอนหน้าครับ

.

การวางสินค้า (Storage)

.

ในประเทศเรา อาจจะต้องมอง พื้นที่ในอากาศไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่…เพราะ พื้นที่ในประเทศเรายังเหลืออีกมากมาย (ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว ไม่ได้เหลือเยอะขนาดที่เราเข้าใจ) ค่าที่ดินในทำเลที่ดีและสำคัญต่อการขนส่ง จึงเริ่มมีราคาที่ขยับตัวขึ้น เทคนิคหนึ่งของการจัดเก็บสินค้า คงไม่พ้น การจัดเก็บให้ยิ่งสูงยิ่งดี…..แต่ความสูงจำกัดที่พื้นที่แต่ละประเภท ระบุไว้ ทำให้อาคารที่สูงมาก ๆ อาจจะยังเกิดไม่ได้มากในเมืองไทย อาจจะด้วยเหตุผลว่า ดินในประเทศไทย หรือ ชั้นหินด้านใต้ลงไปนั้น มีต้นทุนในการจัดการสูงเมื่อเทียบกับการซื้อที่ดิน…และการควบคุมการก่อสร้างเพื่อให้ได้มาตรฐานยังเป็นไปได้ยากอยู๋ แนวตั้งก็ยังเป็นแนวทางที่พัฒนากันต่อไป

.

แต่ถ้าจะพุดถึงการจัดเก็บในแนวสูงนั้น ในอดีต เราเก็บสินค้ากันบน อาคารพาณิชย์ และทำไปตามโครงสร้างว่าสามารถรับน้ำหนักต่อตารางเมตรได้เท่าไหร่..ผู้ผลิต Rack ทั้งหลายจึงเริ่มเข้าสู่การใช้เสาและคานมาประกอบกับเพื่อให้เป็นคล้าย ๆ กับอาคารเล็กที่จัดเก็บสินค้า (เป็นพาเลท) ตัวพื้นฐานมาก ๆ ในวงการก็จะเรียกว่า Selective Rack (ติดไว้นานแล้วครับ เอามาอธิบายเสียทีครับ) หรือบางทีเรียก Pallet Racking

.

การจัดเก็บจะยกเป็น พาเลท ๆ ย้ายทีก็ย้ายเป็นพาเลท..ด้วยรถยก มาดูกันครับว่า ประกอบด้วยอะไรบ้างครับ… ตัวโครงสร้างของ Rack, ทางวิ่งรถ, รถยก…แต่ความจริงแล้วนั้น ยังมี ชื่อ Bin หรือ Location ซึ่งในระบบจะมองเป็น บ้านเลขที่นั่นเอง เก็บอะไรไว้บ้านเลยที่ไหน.. สร้างบ้านเลขที่ในระบบ และยืนยันสิ่งที่เก็บให้ตรงกัน…ง่ายหน่อย แต่ตรวจสอบยาก ก็จดมือแล้วบันทึกไว้ (อันนี้เก่าแล้ว) ทุกวันนี้ ฮิต ๆ หน่อย ก็ RDT (ดูตัวอย่างได้จาก 7-11 เวลาเติมของเข้าชั้นวาง) ฮิตไปกว่านั้นก็ RFID กันไปเลย..

.

การใช้งานก็เปลื้องที่ทางวิ่ง..แต่ก็ง่ายต่อการหยิบและเข้าถึงทุกพาเลทได้ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เมื่อเทียบกับการเก็บของในเชิงซ้อน เช่น Double Deep Racking คือการเก็บสินค้าซ้อน 2 พาเลท ในช่องเก็บเดียว ลองดูภาพก่อนนะครับ จะได้เข้าใจตรงกัน..

.