.
ในโลกของนิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์ ก็มีหลายตัวอย่างที่เกี่ยวกับการสร้างตัว เช่นเรื่อง มังกรคู่สู้สิบทิศ ที่หวงอี้ ผู้ล่วงลับได้แต่งไว้และสร้างชื่อให้กับเขต่อจากเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี…….เนื้อเรื่องบางส่วนกล่าวไว้ว่า โค่วจงกับฉีจื่อหลิง ได้สร้างกองกำลังขุนพลน้อยเอาด้วยหงาดโลหิตและแรงกาย..จากนั้นตนเองก็ออกไปร่อนเรที่ต่างแดนเพื่อให้เนื่อเรื่องยืดไปก่อน…แต่สิ่งที่ทั้งสองตัดสินใจเลือกเดินทางออกไป ตามเรื่องนั้นได้ใช้หลักการคิดที่ว่า “เมื่อเริ่มขยายแล้วจะต้องมั่นคงเสียก่อนจึงจะขยายต่อไป” ….หลักการนี้ถ้าเทียบกับแนวคิดการทำธุรกิจในปัจจุบันนั้นจะพบเลยว่า มันเป็นความคิดที่ตลกมาก..เพราะ น้ำขึ้น ทำไมไม่รีบตักหละ…ใคร ๆ ก็คงคิดแบบนี้..จริงไหมครับ แต่จากที่คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่สูงวัยทั้งหลาย ท่านกลับตอบด้วยสีหน้าท่าทางติดตลกว่า…”ช้า ๆ ได้พล่าเล่มงาม” นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมสงสัยมานานแล้ววงการคลังสินค้า การจัดส่ง และ โลจิสติกทั้งหลายจะจัดการเรื่องพวกนี้อย่างไร…
.
ผู้บริหารใหญ่ของคลังสินค้าในบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่งในประเทศมาเลเซีย เคยให้คำสอนและแง่คิดกันระหว่างสนทนาว่า…
ผู้บริหาร : “คุณคิดว่านายของคุณเป็นยังไง?”
ผู้เรียนรู้ : “ผมคงตอบได้ไม่เต็มปาก แต่บอกได้แค่ว่า เก่งและเมตตาผมมาก..”
ผู้บริหาร : “แล้วเธอมี strategy อย่างไรกับการทำงานบางหละ?”
ผู้เรียนรู้ : “ตอบยากนะครับ ระดับของผมห่างไกลจากเธอมาก.. แต่เธอก็พร้อมที่จะลุยไปข้างหน้า หาลูกค้าเรื่อยมา…”
ผู้บริหาร : “หรอ? รู้ไหม ทำไมคลังที่นี่จึงไม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้าจ่ายให้เพิ่มขึ้น และยังได้ยอดตามที่นายสั่งมา?”
ผู้เรียนรู้เงยหน้าขึ้น แล้วมองอย่างสงสัย พร้อมกับถามกลับไปว่า : “ทำได้อย่างไรหรอครับ”
ผู้บริหารยิ้มเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อว่า : “เธอเคยรู้จักคำว่า ยืนให้มั่นแล้วค่อยก้าวไหม?”
ผู้เรียนรู้ : “เคยครับ มันเป็นกลยุทธ์ของการศึกหนิครับ”
ผู้บริหารยิ้มแล้วกล่าวตอบ “ ใช่แล้ว มันคือกลยุทธ์หนึ่งเลย..ผมใช้วิธีนี้ในการบริหาร คุณรู้ไหม การขยายคลังนั้นค่าเช่าคลังที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เทียบกับสัญญาสั้น ๆ ของลุกค้าที่จ่ายค่าบริการแสนน้อยนั้น มันไม่คุ้มเอาเสียเลย…ไล่ออกไปยังจะง่ายซะกว่า…”
ผู้เรียนรู้ได้แต่คีบเนื้อหมูจากชามบังกุดเต้เข้าปาก ด้วยความงุนงง…
ผู้บริหารกล่าวต่อ “เพราะ ค่าเช่าเราต้องจ่าย แต่ค่าบริการลูกค้าจ่าย หากไม่มีลูกค้า เราจะต้องจ่ายเองทั้งหมด..ผมจึงตั้งหลักเกณฑ์ในการเลือกลูกค้าที่จะทำเพิ่มพื้นที่คลังด้วยการ ทำให้เฉพาะลุกค้ารายใหญ๋และสัญญายาวจริง ๆ เท่านั้น ที่เหลือ ผมจะพยายามเค้นให้ใช้พื้นที่ในคลังเดิมให้มากที่สุดก่อน”
ผู้เรียนรู้ได้แต่อึ้ง และถามกลับไปว่า “เคยไล่ลูกค้าไหมครับ?
ผู้บริหารหัวเราะและกล่าวตอบ “เคยสิ ลูกค้าที่มีอยู่จะต้องขยายตามยอดขายจริงไหม? และลูกค้ารายเล้กที่รายได้น้อยและ จะเช่าคลังเพิ่มเพื่อพวกเขาหรอ…ไม่ต้องหรอก เอาออกไปเลยจะดีกว่ามั้ย…ต้องลองชั่งดู หรือต่อรองเพื่อเพิ่มราคาให้ดีขึ้น…ยังไง”
ผู้เรียนรู้หัวเราะ และพุยข้าวกินต่อไป ส่วนตัวผู้บริหารเองก็จิบน้ำชาก่อนจะพุดคุยเรื่องอื่นต่อ…
.
อันนี้เป็นมุมมองหนึ่งของการบริหารจัดการนะครับ ไม่มีถูกและผิด…แต่ผมเชื่อว่า ผู้บริหารท่านนี้ก็เน้นเหลือเกินที่จะควบคุมความเสี่ยง….แต่ถ้าหากว่า เราเอาแต่แตะขอบฟ้ามากไปหน่อย ค่าเช่ามันจะบานมาก..การหาความเหมาะสมนั่นเองคือการตั้งหลักปักฐานที่สำคัญ เมื่อมั่นคงแล้ว คงได้แต่บอกว่า…ค่อยลุยกันต่อ…อย่างที่เคยกล่าวไว้นะครับ รู้จักตัวเราเองก็คงจะเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นเราคงต้องไปเรียนรู้ต่อว่า ลูกค้าของเราต้องการอะไร มีความเจ็บปวดที่จุดไหน..ดังนั้นขอใช้คำของคนแก่เมื่อ 2000 กว่าปีที่แล้วมาบอกว่า..”รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครา” ยังคงใช้ได้จริง ๆ …อาจจะต้องทบทวนไปมาเยอะจริง ๆ ถึงจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วควรเลือกทางไหน…
.